“ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงหลังเปิดตัว ฟีเจอร์สร้างภาพสไตล์ Ghibli บน ChatGPT ดึงดูดผู้ใช้ใหม่ได้ถึง 1 ล้านคน! ปรากฏการณ์ความงามสุดไวรัลนี้กำลังสร้างความตื่นตาตื่นใจ แต่ขณะเดียวกันก็จุดชนวนคำถามสำคัญว่าหลังจากนี้กำลังพาเราไปสู่จุดไหน? ถึงคุณค่าที่แท้จริงของศิลปะในยุคดิจิทัล
Ghibli AI ไวรัลล่าสุดจาก ChatGPT คืออะไร
หลายคนคงเคยฝันอยากเข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการของ Studio Ghibli กันบ้างละ แต่ตอนนี้ ChatGPT ทำให้ความฝันนั้นใกล้ความจริงมากขึ้นอีกนิด ด้วยฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่กำลังฮิตถล่มทลาย จากความสามารถในการ แปลงโฉมภาพถ่ายธรรมดาๆ ของคุณ ให้กลายเป็นภาพวาดสไตล์อนิเมะอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ghibli นั่นเอง

ลองนึกภาพตามว่า รูปเซลฟี่ของคุณ รูปสัตว์เลี้ยงแสนรัก หรือแม้แต่ภาพวิวทิวทัศน์ที่คุณถ่ายเก็บไว้ก็ สามารถถูกสร้างใหม่ให้มีลายเส้นอบอุ่น สีสันสดใส และบรรยากาศชวนฝัน เหมือนหลุดออกมาจากฉากในเรื่อง Spirited Away หรือ My Neighbor Totoro ได้เลยทีเดียว
ใครๆ ก็ทำได้ ตามที่แหล่งข่าวได้อธิบายไว้ ขั้นตอนหลักๆ ก็คือ เลือกรูปที่คุณต้องการจากนั้นเข้าไปเปิดแชทบอท ChatGPT ขึ้นมาและ อัปโหลดหรือส่งรูปภาพที่คุณเลือกเข้าไปในแชท เสร็จแล้วพิมพ์คำสั่ง (Prompt)ง่ายๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบอกให้ AI รู้ว่าคุณต้องการให้ทำอะไรกับรูปภาพนี้ เช่น “เปลี่ยนภาพนี้ให้เป็นสไตล์ Ghibli”
จากนั้นก็แค่นั่งรอ… จะใช้เวลาประมวลผลเพียงไม่กี่นาที ก่อนที่ AI ChatGPT จะส่งภาพที่แปลงโฉมเสร็จเรียบร้อยกลับมาให้คุณ จะเห็นได้ว่าสะดวกและรวดเร็วมาก (ถึงแม้ในความเป็นจริง ช่วงที่คนแห่ใช้เยอะๆ อาจจะต้องรอนานกว่านั้นบ้างก็ตาม)
เบื้องหลังความสามารถอันน่าทึ่งนี้ คือการที่ AI ได้พยายามเรียนรู้ที่จะจับลักษณะเด่นๆ ในงานศิลป์ของ Studio Ghibli สตูดิโออนิเมะระดับตำนานจากญี่ปุ่น ที่ก่อตั้งโดย Hayao Miyazaki และเพื่อนร่วมงาน สไตล์ที่ว่านี้ไม่ได้มีแค่ลายเส้น แต่รวมถึงการใช้สี แสงเงา การออกแบบตัวละคร และการสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ผู้ชมหลงรักมานักต่อนัก
ฟีเจอร์นี้จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือที่เปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วไปได้สัมผัสและร่วมสนุกกับสุนทรียภาพแบบ Ghibli ในรูปแบบใหม่ แม้จะเป็นเพียงภาพนิ่งที่สร้างโดย AI ก็ตาม
กระแสไวรัล Ghibli AI นี้ใหญ่ขนาดไหน
ทันทีที่ฟีเจอร์แปลงภาพเป็นสไตล์ Ghibli นี้เปิดตัว มันก็เหมือนกับจุดพลุกลางโลกออนไลน์เลยครับ ภาพสวยๆ ที่ AI สร้างขึ้นแพร่สะพัดไปทั่วโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram หรือ TikTok ผู้คนต่างพากันแชร์ผลงานที่ตัวเองลองทำ เปลี่ยนรูปตัวเอง รูปเพื่อน รูปสัตว์เลี้ยง ให้กลายเป็นตัวละครในโลกอนิเมะ จนกลายเป็น กระแสไวรัลที่ใครๆ ก็พูดถึง อย่างรวดเร็ว เหมือนเป็นกิจกรรมสนุกๆ ที่ทุกคนอยากลองทำตามกัน

พร้อมกับ ตัวเลขสถิติที่น่าทึ่งชนิดที่ทำให้เห็นเลยว่าคนสนใจมากขนาดไหน
- Sam Altman ซึ่งเป็น CEO ของ OpenAI บริษัทแม่ของ ChatGPT ถึงกับออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า เพียงแค่ช่วงเวลา ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ในวันจันทร์วันเดียว (หลังฟีเจอร์นี้เริ่มเป็นที่รู้จัก) มีคนเข้ามาสมัครใช้งาน ChatGPT เพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านคน!
- ลองเทียบกับตอนที่ ChatGPT เปิดตัวครั้งแรกเมื่อสองปีก่อนดูครับ ตอนนั้นต้องใช้เวลาถึง 5 วัน กว่าจะมีผู้ใช้งานครบ 1 ล้านคนแรก แต่ฟีเจอร์ Ghibli นี้ทำได้ในเวลาไม่ถึง 60 นาที
- ความนิยมของฟีเจอร์นี้ยังช่วยดันให้จำนวนผู้ใช้งาน ChatGPT เฉลี่ย ต่อสัปดาห์ พุ่งทะลุ 150 ล้านคน เป็นครั้งแรกในปีนี้ด้วย
- แหล่งข่าวธุรกิจและการเงินอย่าง Seeking Alpha ก็รายงานตรงกันว่า ChatGPT มียอดการใช้งานโดยรวมพุ่งขึ้นทำ สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (all-time high usage) หลังจากปล่อยฟีเจอร์ “Ghibli effect” นี้ออกมา
พูดง่ายๆ ก็คือ ฟีเจอร์นี้มัน สวยโดนใจคนจำนวนมหาศาลจริงๆ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง ความต้องการและความสนใจอย่างล้นหลาม ที่ผู้คนมีต่อการสร้างสรรค์ภาพสวยๆ ด้วย AI ในสไตล์ที่คุ้นเคยและเป็นที่รักนั่นเอง มันทั้งสนุก เข้าถึงง่าย และให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ จนใครๆ ก็อยากลองเล่น
เสี่ยงมั้ยกับปัญหาและคำถามที่ตามมา
ถึงแม้ฟีเจอร์สร้างภาพสไตล์ Ghibli จะสวยถูกใจและฮิตระเบิด แต่มันก็ไม่ได้มาพร้อมกับความราบรื่นเสมอไป ความนิยมที่ถาโถมเข้ามานี้ ก็นำมาซึ่งปัญหาและความท้าทายหลายอย่าง ทั้งเรื่องทางเทคนิคและคำถามสำคัญๆ ที่ชวนให้คิดตามเช่น
ปัญหาทางเทคนิคและความท้าทายในการใช้งาน
แน่นอนครับว่า พอกลายเป็นของฮิตติดลมบนขนาดนี้ ปัญหาก็ตามมาเป็นเงาตามตัว เหมือนเวลาห้างจัดโปรโมชั่นแรงๆ แล้วคนแห่กันไปจนแน่นห้างนั่นแหละครับ การที่คนแห่เข้ามาลองใช้ฟีเจอร์ Ghibli กันเยอะมากๆ ทำให้ ระบบของ ChatGPT ทำงานหนักเกินไป หลายคนเจอปัญหา เข้าใช้งานไม่ได้บ้าง ขึ้นข้อผิดพลาด (error) บ้าง หรือต้องรอนานมากๆ กว่าจะได้รูปตามที่สั่ง
เรื่องนี้ทาง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เองก็ออกมายอมรับตามตรงครับว่า ระบบเจอปัญหาจริงเพราะคนใช้เยอะเกินคาด และถึงแม้ทีมงานกำลังเร่งแก้ไข แต่เขาก็บอกให้ผู้ใช้เผื่อใจไว้หน่อยว่า “คุณในฐานะผู้ใช้งานก็อาจจะต้องเจอว่าบริการมันช้าอยู่บ้าง…” (you as a user should still expect services to be slow…)
ประเด็นร้อนด้านลิขสิทธิ์ ความเป็นเจ้าของ และจิตวิญญาณศิลปะ
แต่แล้วปัญหาที่ตามมาไม่ได้มีแค่เรื่องทางเทคนิคหรือความช้าในการใช้งานเท่านั้นนะครับ ส่วนที่ดูจะเป็น ความเสี่ยง ที่ซับซ้อนและน่ากังวลกว่า ก็คือประเด็นร้อนๆ ที่เกี่ยวกับ ลิขสิทธิ์ ความเป็นเจ้าของผลงาน และกระทั่งจิตวิญญาณของความเป็นศิลปะ เองเลยทีเดียว
เราลองมาคิดตามดูว่า
- ใครเป็นเจ้าของภาพ? คำถามสำคัญที่ถูกจุดขึ้นมาก็คือ ภาพสวยๆ ที่ AI สร้างให้น่ะ ใครเป็นเจ้าของกันแน่? คนที่ใส่คำสั่ง? บริษัทเจ้าของ AI? หรือมันไม่มีเจ้าของ? เรื่องนี้ยังเป็นพื้นที่สีเทาๆ ที่ยังถกเถียงกันอยู่
- ละเมิดลิขสิทธิ์สไตล์ Ghibli หรือเปล่า? แล้วการที่ AI สร้างภาพในสไตล์ที่เหมือน Ghibli เป๊ะๆ แบบนี้ มันเข้าข่าย ‘งานดัดแปลง’ หรือเปล่า? และที่สำคัญ มันถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ลายเส้นหรือสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ ของ Studio Ghibli หรือไม่? เรื่องนี้ทำให้เกิด ความกังวลเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property – IP) ของทาง Studio Ghibli โดยตรงเลยครับ เพราะสไตล์ของพวกเขามันชัดเจนและเป็นที่จดจำมากๆ
- จริยธรรมในการเลียนแบบ นอกจากเรื่องกฎหมายแล้ว ยังมี ข้อถกเถียงในเชิงจริยธรรม อีกด้วยครับว่า มันเหมาะสมแค่ไหนที่ AI จะถูกฝึกให้เลียนแบบสไตล์ของศิลปิน (โดยเฉพาะคนที่ยังมีชีวิตอยู่หรือศิลปินระดับตำนาน) ได้เหมือนขนาดนี้ มันส่งผลกระทบต่อคุณค่าของงานต้นฉบับและตัวศิลปินที่เป็นมนุษย์จริงๆ หรือเปล่า?
ประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามใหญ่ที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน และกำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในวงการศิลปะและเทคโนโลยีครับ มันแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ AI จะสร้างสิ่งที่สวยงามได้ แต่มันก็มาพร้อมกับ คำถามยากๆ ที่เราต้องช่วยกันหาคำตอบต่อไป

เสียงจาก Hayao Miyazaki ถึงมุมมองที่แตกต่าง
แน่นอนว่าพอมีเรื่องฮิตและมีประเด็นถกเถียงแบบนี้ ก็ต้องมีหลายเสียง หลายมุมมองเข้ามาเกี่ยวข้อง ลองมาฟังกันดูว่าแต่ละคนมองเรื่องนี้กันอย่างไรกันบ้าง
Hayao Miyazaki ปรมาจารย์แห่ง Ghibli
ต้องบอกก่อนว่า ณ ตอนนี้ตามข้อมูลที่เรามี ปู่มิยาซากิยังไม่ได้ออกมาพูดอะไรโดยตรง เกี่ยวกับฟีเจอร์สร้างภาพสไตล์ Ghibli บน ChatGPT อันนี้โดยเฉพาะ ถึงจะยังไม่พูดถึงเรื่องนี้ตรงๆ แต่ถ้าใครติดตามก็จะรู้ว่า ปู่มิยาซากิเคย วิพากษ์วิจารณ์การใช้ AI สร้างงานภาพเคลื่อนไหว (Animation) อย่างรุนแรงมากๆ มาก่อน
เขาเคยถึงกับบอกว่า มันคือ “การดูหมิ่นชีวิต” (an insult to life itself) และยังเคยพูดในทำนองว่า “รู้สึกเหมือนเรากำลังใกล้ถึงจุดจบ มนุษย์เรากำลังสูญเสียศรัทธาในตัวเอง” (I feel like we are nearing the end times. We humans are losing faith in ourselves.)
แม้จะพูดถึง AI Animation แต่ก็ ให้เบาะแสที่ชัดเจนมากๆ ว่า ปู่มิยาซากิน่าจะมองเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาทำงานด้านศิลปะในแง่ลบ เขาให้ความสำคัญกับจิตวิญญาณ ความรู้สึก และความเป็นมนุษย์ในงานสร้างสรรค์มากๆ การที่ AI สามารถเลียนแบบสไตล์ได้เป๊ะๆ อาจเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้ ดังนั้น ถึงแม้จะยังไม่มีคำพูดล่าสุด แต่จุดยืนเดิมของเขาก็เป็นเหมือนเสียงเตือนสำคัญในเรื่องนี้
AI กำลังทำให้ศิลปะ กลายเป็นใช้แล้วทิ้ง?
พอเห็นว่าใครๆ ก็สร้างภาพสวยๆ สไตล์ Ghibli ได้ง่ายๆ ด้วย AI แค่ปลายนิ้วคลิก มันก็อดทำให้เกิดคำถามตามมาไม่ได้ว่า แบบนี้ AI กำลังทำให้ศิลปะกลายเป็นของ ใช้แล้วทิ้งหรือเปล่า?
เพราะการที่ AI สามารถ ผลิตภาพที่ดูเหมือนงานศิลปะออกมาได้จำนวนมากและรวดเร็ว มันอาจทำให้คุณค่าของศิลปะในสายตาคนทั่วไปลดลงได้ไหม? เมื่อก่อนการจะได้ภาพวาดสวยๆ สักภาพต้องใช้ทั้งฝีมือ เวลา และความตั้งใจของศิลปิน แต่พอ AI ทำได้ง่ายๆ ในไม่กี่นาทีมันอาจทำให้คนรู้สึกว่าศิลปะกลายเป็น เรื่องฉาบฉวย เข้าถึงง่ายเกินไปจนเหมือนเป็นของสำเร็จรูปที่ใช้แล้วก็ทิ้งได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า? จากที่เคยเป็นสิ่งที่ต้องค่อยๆ เสพ ค่อยๆ ชื่นชมอาจกลายเป็นแค่ภาพสวยๆ ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปในหน้าฟีดโซเชียล
ที่สำคัญกว่านั้นคือ ผลกระทบต่อศิลปินที่เป็นมนุษย์จริงๆ ครับ มีความกังวลเกิดขึ้นมากมาย
ศิลปินหลายคนเริ่มกังวลว่า ในอนาคต AI จะเข้ามาแย่งงาน หรือทำให้บทบาทของพวกเขาลดน้อยลงหรือไม่หรือการที่ AI เลียนแบบสไตล์ได้เหมือนขนาดนี้ อาจทำให้คนมองข้าม คุณค่าของทักษะฝีมือ ประสบการณ์ และเวลาหลายปี ที่ศิลปินใช้ฝึกฝนเพื่อสร้างสรรค์งานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปหรือเปล่า? ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์อาจดูด้อยค่าลง เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ AI สร้างได้ในพริบตา
นี่เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและน่าคิดตามอย่างยิ่งว่า เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกนี้ กำลังส่งผลกระทบต่อคุณค่าและความหมายของศิลปะที่เราเคยเข้าใจกันมาอย่างไรบ้าง
ท้ายนี้ผู้เขียนรู้สึกว่าเครื่องมือสร้างภาพสไตล์ Ghibli บน ChatGPT ก็เหมือนเหรียญสองด้าน ด้านหนึ่งคือ ความสำเร็จอย่างถล่มทลายในแง่ความนิยม มันสร้างปรากฏการณ์ไวรัล ดึงดูดผู้ใช้มหาศาล และมอบความสนุก ความสวยงามให้ผู้คนได้สัมผัสกับโลกจินตนาการในรูปแบบใหม่
แต่อีกด้านหนึ่ง มันก็มาพร้อมกับ ปัญหาและความท้าทาย สุดท้ายแล้ว อนาคตของศิลปะกับ AI คงไม่ใช่การเลือกข้างว่าใครจะอยู่ใครจะไป แต่อาจเป็นการเรียนรู้ที่จะ อยู่ร่วมกัน และหาทางให้ มนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์สามารถทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจต่อไปได้… ซึ่งแน่นอนว่า หนทางข้างหน้ายังคงเต็มไปด้วยความท้าทายและเรื่องราวให้เราติดตามกันอีกยาวไกลครับ
ข้ออถกเถียงที่ซับซ้อน ทั้งเรื่อง ลิขสิทธิ์ ว่าใครคือเจ้าของภาพ AI หรือมันละเมิดสไตล์ของ Ghibli หรือไม่ รวมถึง คำถามเชิงจริยธรรม และมุมมองที่แตกต่างกันไปจากทั้งตำนานอย่างมิยาซากิ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้พัฒนาเอง
ปรากฏการณ์ Ghibli AI นี้ ไม่ใช่แค่กระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่มันทำหน้าที่เหมือน ตัวเร่ง ให้เกิดการพูดคุยอย่างจริงจังเกี่ยวกับ บทบาทของ AI ในโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์ มากขึ้น มันทำให้เราเห็น ความจำเป็นเร่งด่วนในการหาแนวทาง ข้อตกลง หรือกระทั่งกฎเกณฑ์ ที่จะมากำกับดูแลการใช้ AI ในงานศิลปะ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างนวัตกรรม การปกป้องสิทธิ์ และการรักษาคุณค่าของศิลปะเอาไว้
สรุปสุดท้ายแล้ว
อนาคตของศิลปะกับ AI คงไม่ใช่การเลือกข้างว่าใครจะอยู่ใครจะไป แต่อาจเป็นการเรียนรู้ที่จะ อยู่ร่วมกัน และหาทางให้ มนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์สามารถทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจต่อไปได้… ซึ่งแน่นอนว่า หนทางข้างหน้ายังคงเต็มไปด้วยความท้าทายและเรื่องราวให้เราติดตามกันอีกยาวไกลครับ